4 แผ่นจบ
เสียงไทย
เพกา หรือ พิ้งค์ เป็นภัณฑารักษ์สาวไทย อยู่ที่สถาบันเสื้อผ้าแห่งเอเซียที่ตั้งอยู่ในเมืองไทย เธอเป็นสาวไทยรูปร่างสูงระหง ทำงานเก่ง เป็นที่ชื่นชมของ แฮโรลด์ ผู้อำนวยการสถาบัน วันหนึ่งเพกาได้พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ดวงหน้าหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาวแบบหนุ่มจีนผู้สง่างาม เจ้าหมิงเทียน หรือ แดเนี่ยล บุตรชายของ เจ้าเหวินเยี่ย ผู้เป็นเจ้าของกี่เพ้าโบราณสามสิบชุดที่ถูกส่งมาจัดแสดง ณ สถาบันแห่งนี้ เจ้าหมิงเทียนเดินทางมาดูแลกี่เพ้าเหล่านั้นแทนบิดาที่เป็นเจ้าของบริษัท เจ้าเจิ้นเหวิน ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายยารายใหญ่ของฮ่องกง เจ้าเหวินเยี่ยร่วมกันกับ หวางลี่ผิง ภรรยาที่เป็นเภสัชกรเหมือนกัน พัฒนากิจการร้านยาเล็ก ๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่ ครอบครัวของเขากลายเป็นผู้มีอันจะกิน เจ้าของคฤหาสน์ใหญ่บนเกาะฮ่องกง บิดาของเจ้าหมิงเทียนมีงานอดิเรกคือสะสมเสื้อผ้าโบราณ แฮโรลด์รู้ว่าเจ้าเหวินเยี่ยมีกี่เพ้าล้ำค่าในคอลเลคชั่นจำนวนมาก ก็พยายามอ้อนวอนขอยืมมาจัดแสดงที่สถาบัน จนเจ้าเหวินเยี่ยยอมใจอ่อนในที่สุด เพการู้สึกประทับใจกับใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม และบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดของเจ้าหมิงเทียน แต่เพการู้สึกได้ว่าเจ้าหมิงเทียนเป็นคนอมทุกข์ เก็บตัวจนเกือบเย็นชา หลายครั้งเจ้าหมิงเทียนแอบมองเธอด้วยความไม่พอใจ และบางครั้งถึงกับหงุดหงิดใส่เพกา เพกาช่วยกันกับ เดซี่ ผู้ช่วยของเธอ ตรวจรับกี่เพ้าที่บรรจุอยู่ในกล่องโลหะแต่ละกล่องของเจ้าเหวินเยี่ยด้วยความ ตื่นตะลึง เพราะกี่เพ้าแต่ละชุดที่เจ้าเหวินเยี่ยส่งมาให้นั้นมีอายุเก่าแก่นับร้อยปี อยู่ในสภาพสวยสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งมาถึงกี่เพ้ากล่องสุดท้ายกล่องที่สามสิบ ก็ปรากฏว่าขณะที่เพกาหยิบห่อกี่เพ้าออกมาจากกล่องนั้น มีห่อผ้ากำมะหยี่อีกหนึ่งห่อตกออกมาจากกล่องโลหะด้วย เมื่อเพกาค่อย ๆ เปิดห่อผ้าออกด้วยความระมัดระวัง หญิงสาวก็ต้องตื่นตะลึง เมื่อพบว่าในห่อผ้านั้นมีกี่เพ้าตัดเย็บด้วยฝีมือระดับมาสเตอร์พีซ เป็นกี่เพ้าที่ทำขึ้นใหม่ สีแดงสดปักลวดลายดอกโบตั๋นสีชมพู ที่น่าแปลกคือ ที่บริเวณอก มีร่องรอยการถูกกรีดแทงจนเสียหาย แฮโรลด์ตัดสินใจสั่งเพกาให้นำกี่เพ้าชุดพิเศษนี้ขึ้นแสดงเป็นชุดไฮไลต์ใน นิทรรศการด้วย เพกาเริ่มรู้สึกลุ่มหลงในกี่เพ้าชุดนั้น เธอแอบนำกี่เพ้าชุดที่สามสิบเอ็ดมาสวม เพกาพบความประหลาดใจว่าเธอสวมกี่เพ้าชุดนั้นได้พอดีราวกับเป็นชุดของตนเอง และก่อนที่เธอจะทันรู้สึกตัว เพกาก็เกิดอาการหน้ามืดไปชั่วขณะ ท่ามกลางความรู้สึกกึ่งมีสติ กึ่งสลึมสลือ เธอก็บังเกิดนิมิตได้ยินเสียงคนทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นก็มองเห็นมือของใครคนหนึ่งถือมีดปลายแหลม จ้วงแทงลงมาที่หน้าอกของเธอจนสุดแรง! ดวงตาของเธอพร่าพรายราวจะหมดสติ เธอไม่รู้หรอกว่าคนที่แทงเธอนั้นคือใคร แต่สิ่งเดียวที่เพกาจำได้ก็คือ เธอพยายามต่อสู้ และเห็นว่ามือที่จ้วงแทงลงมานั้นสวมกำไลหยกลวดลายมังกร การต่อสู้ทำให้กำไลหยกนั้นหักเป็นสองท่อน จากนั้นเพกาก็หมดสติไป ในที่สุดวันเปิดนิทรรศการกี่เพ้าโบราณก็มาถึง เจ้าหมิงเทียนมาถึงงาน โดยมีสาวทันสมัย หน้าตาสวยงามอยู่ข้างกาย เจ้าหลินเพ่ย ลูกสาวคนเล็กของตระกูลเจ้า ซึ่งแฮโรลด์แอบกระซิบว่าเจ้าหลินเพ่ยไม่ใช่ลูกสาวจริง ๆ ของเจ้าเหวินเยี่ย แต่เป็นลูกติดของ หลินเหม่ยอิง ภรรยาคนที่สองของเจ้าเหวินเยี่ย เจ้าหลินเพ่ยไม่ชอบหน้าเพกาในทันทีที่ได้พบกัน เมื่อ ครอบครัวของเจ้าหมิงเทียนได้เห็นกี่เพ้าชุดแดงลายโบตั๋นสีชมพู พวกเขาโกรธมาก พวกเขาไม่รู้ว่ากี่เพ้าชุดนี้มาปรากฏขึ้นที่นี่ได้อย่างไร เจ้าเหวินเยี่ยตบหน้าเจ้าหมิงเทียนเพราะเข้าใจว่าเขาเป็นผู้นำมา เจ้าเหวินเยี่ยโวยวายให้ปิดการแสดงทั้งที่เพิ่งเปิดขึ้นได้เพียงวันเดียว แฮโรลด์เดือดร้อนมาก เขาให้เพกาตามเจรจากับเจ้าหมิงเทียนเพื่อขอจัดแสดงต่อ เจ้าหมิงเทียนที่ยังมีภารกิจติดต่อธุรกิจด้านยาในเมืองไทยอีกสามสัปดาห์ เมื่อถูกเพกาตามตอแยมาก ๆ ไล่ก็ไม่ไป เจ้าหมิงเทียนเลยให้เพกาเป็นเลขาส่วนตัว พาเขาขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อเสาะหายาสมุนไพรไทยมาจัดจำหน่ายที่ฮ่องกง ระหว่างนั้นเจ้าหมิงเทียนแสดงอาการหงุดหงิดเพกาหลายครั้ง เพกาเองก็เข้าใจผิดไปว่า เจ้าหมิงเทียนคิดจะฮุบเอายาสมุนไพรไทยไปเป็นของเขา ทั้งสองมีเรื่องมีราวถึงขั้นออกปากไล่กันบ่อย ๆ ในระหว่างการเดินทางอันแสนโกลาหล กับคนขับรถชาวไทยจอมเซ่อซ่าชื่อ นายเขียว และคนสนิทของเจ้าหมิงเทียนชาวฮ่องกงจอมวุ่นวายชื่อ อาตง เพกาไม่รู้ว่า สาเหตุแห่งความหงุดหงิดนี้เกิดขึ้นเพราะ เจ้าหมิงเทียนเคยรักกับผู้หญิงไทยคนหนึ่ง ต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็มาเสียชีวิตกะทันหัน ทำให้ชายหนุ่มจมอยู่กับความหม่นเศร้า และให้บังเอิญเหลือเกินเพกามีอะไรหลายอย่างเหมือนผู้หญิงไทยผู้เป็นที่รัก ของเขา นิสัยจริงจัง ตรงไปตรงมา รักความถูกต้อง ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เปิ่นซ่า ขยันหาความเดือดร้อน ทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ทำให้เจ้าหมิงเทียนหงุดหงิด ไม่ชอบอยู่ใกล้ แต่ในทางตรงกันข้าม เขาก็อดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยความห่วงใยไม่ได้ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพกาเริ่มสนิทสนมกับเจ้าหมิงเทียน จนได้รู้ว่ากี่เพ้าชุดนั้นเป็นของ เมย์ลี...หรือ สุคนธา หญิงไทยผู้เป็นที่รักของเขา เจ้าหมิงเทียนขอร้องให้เพกาช่วยซ่อมแซมกี่เพ้าชุดแดงให้กับเขา แล้วเขาจะพูดกับเจ้าเหวินเยี่ยเรื่องเปิดนิทรรศการให้ อากาศคืนนั้นหนาวมาก เพกาสวมเสื้อบาง ๆ ไม่ได้นำเอาสเวตเตอร์มาด้วย เจ้าหมิงเทียนจึงถอดเสื้อของเขาสวมให้เธอ และทันใดนั้นเองแขนเสื้อของเจ้าหมิงเทียนก็เผยอขึ้น เผยให้เห็นกำไลหยกแบบเดียวกันกับที่เพกาเห็นในนิมิต! กำไลหยกของชายหนุ่มหักกลางและมีลวดทองคำถักร้อยเชื่อมกำไลสองท่อนเข้าด้วย กัน! เจ้าหมิงเทียนอธิบายว่าผู้ชายจีนหลายคนก็สวมกำไลหยกเป็นเรื่องปกติ เพราะหยกมีพลังอำนาจที่จะสร้างเสริมบารมีให้กับผู้สวมใส่ สำหรับกำไลหยกที่เขาสวมนี้ เจ้าเหวินเยี่ยได้หยกก้อนใหญ่มาเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงทำให้กับสมาชิกครอบครัวตระกูลเจ้าทุกคนสวม เพื่อเตือนใจว่ากำไลหยกทุกอันสลักมาจากหยกก้อนเดียวกัน เหมือนกับทุกคนเป็นสายเลือดในตระกูลเดียวกัน จึงสมควรจะต้องรักใคร่กลมเกลียวกันเอาไว้ให้ดี เพการู้สึกกังวลยิ่งกว่าเก่า นั่นหมายความว่า มีผู้ต้องสงสัยเป็นฆาตกรฆ่าเจ้าของชุดกี่เพ้าแดงในตระกูลเจ้าหลายคน เพกากลับบ้านไปด้วยความรู้สึกค้างคาใจ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่า ผู้ชายท่าทางอ่อนโยน มีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์จะเป็นฆาตกรใจโหดไปได้... หลัง จากนิทรรศการสิ้นสุดลง ทางสถาบันเสื้อผ้าแห่งเอเซียก็เตรียมส่งกี่เพ้ากลับคืนบ้านตระกูลเจ้า เพกาคิดหนักว่าจะหาทางสืบเรื่องกี่เพ้าสีแดงนั้นอย่างไร ก็พอดีกับที่ ไบรอัน เด็กนักศึกษาฝึกงานบังเอิญทำกี่เพ้าสีชมพูปักลวดลายนกยูงขาด กี่เพ้าชุดนี้เป็นของล้ำค่ามาก เนื่องจากเป็นกี่เพ้าของมาดามซุนยัดเซ็น เสียหายไปแล้วต่อให้มีเงินร่ำรวยล้นฟ้าก็ไม่สามารถหาได้ที่ไหนอีก แฮโรลด์ตกใจแทบช็อก ไบรอันโดนเอ็ดจนแทบจะไปฆ่าตัวตาย เพกาตรวจดูความเสียหายแล้วก็พบว่าสามารถจะซ่อมแซมให้เหมือนเก่าได้ แต่ต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่าห้าหรือหกเดือน เนื่องจากกระบวนการซ่อมละเอียดอ่อน เธอจำเป็นจะต้องเสาะหาเส้นไหมที่มีสีและลักษณะใกล้เคียงกับของเดิมมาทอเสริม เข้าไป เจ้าเหวินเยี่ยรู้ข่าวกี่เพ้าจากแฮโรลด์ด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่พอเขารู้ว่าเพกาสามารถซ่อมกี่เพ้าได้ก็รู้สึกพอใจ เขายอมตกลงให้เพกาซ่อมกี่เพ้ามาดามซุนยัดเซ็นให้เหมือนเดิม แต่มีข้อแม้ว่าเพกาจะต้องเดินทางไปซ่อมกี่เพ้าที่คฤหาสน์ตระกูลเจ้าที่ ฮ่องกง เพกาตัดสินใจรับงานชิ้นนี้ เธอต้องการเดินทางไปสืบประวัติของกี่เพ้าชุดที่สามสิบเอ็ดว่าเกิดอะไรขึ้น กับเมย์ลี...เจ้าของกี่เพ้าชุดนี้กันแน่ และเจ้าหมิงเทียนคือฆาตกรที่ฆ่าเธอใช่หรือไม่.. เมื่อมาถึงฮ่องกง เจ้าหมิงเทียนพาเพกาไปไหว้พระที่วิหารหว่องไทซินหรือวิหารหวังต้าเซียน ขณะกำลังไหว้พระอยู่นั่นเอง เพกาก็ถูกผู้ชายหนุ่มชาวจีน รูปร่างผอมสูงคนหนึ่งวิ่งมาชนอย่างตั้งใจ ขณะที่เธอกำลังตกใจ ผู้ชายคนนั้นก็ยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่ในมือของเพกา เมื่อเธอเปิดออกดูก็ต้องประหลาดใจ เพราะในกระดาษนั้นมีตัวหนังสือภาษาจีนอยู่หนึ่งคำ ตัวอักษรนี้อ่านว่า สื่อ แปลว่า ความตาย ที่คฤหาสน์ตระกูลเจ้า เพกาได้พบกับ เป่าหลิน และ ซิ่วหลาน เป่าหลินเป็นสาวใช้ของหลินเพ่ยอิงและเจ้าหลินเพ่ยสองแม่ลูก ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสเหมือนกับเจ้านายของตัวเอง เป่าหลินรู้สึกไม่ชอบหน้าเพกาตั้งแต่แรกพบ ขณะที่ซิ่วหลานเป็นสาวใช้วัยกลางคน มีท่าทางเป็นมิตรและชื่นชมเพกาเป็นอย่างมาก เธอคือพี่เลี้ยงของเจ้าหมิงเทียน ทำงานรับใช้บ้านตระกูลเจ้ามาหลายสิบปี จนเจ้าเหวินเยี่ยไว้วางใจถึงกับมอบกำไลหยกลายมังกรให้กับซิ่วหลาน เพกาได้รู้เพิ่มเติมว่า หวางลี่ผิงมีบุตรชายสองคนคือ เจ้าหมิงซาน และเจ้าหมิงเทียน แต่เจ้าหมิงซานประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ในอดีต เจ้าเหวินเยี่ยได้พบกับหลินเพ่ยอิงซึ่งเป็นนักร้องในไนต์คลับแห่งหนึ่ง เขารับเธอมาเป็นภรรยาคนที่สอง สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับหวางลี่ผิงมาก บุคลิกของหวางลี่ผิงจึงดูห่างเหินและชาเย็นอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้ามาเป็นภรรยาของเจ้าเหวินเยี่ย หลินเพ่ยอิงมีสามีแล้ว แต่สามีเป็นนักเลงหัวไม้ ถูกตัดสินลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิต หลินเพ่ยอิงมีลูกสาวกับสามีเก่าติดมาด้วยคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเจ้าหลินเพ่ยนั่นเอง ต่อมาเจ้าเหวินเยี่ยก็รับเจ้าหลินเพ่ยเป็นลูกสาวบุญธรรม หวางลี่ผิง คุณนายใหญ่ และหลินเพ่ยอิง คุณนายสอง จึงไม่ถูกกัน เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด